แกงป่ากล้วยดิบ ที่แกงป่าคือเมนูเพื่อสุขภาพอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็น “แกงป่ากล้วยดิบ” ด้วยแล้ว ก็จะได้คุณค่าทางสารอาหารมาก เพราะกล้วยดิบให้พลังงานแบบคาร์โบไฮเดรตแต่ไม่มีไขมัน และด้วยเครื่องแกงและสมุนไพรต่างๆ ที่ใส่ลงไป ก็จะช่วยให้คุณได้ทั้งไดเอต ดูแลสุขภาพ และยังอร่อยแบบไม่ต้องรู้สึกผิดด้วย
แกงป่ากล้วยดิบ ช่วยให้คุณได้ ทั้งไดเอต ดูแลสุขภาพ และยังอร่อยแบบไม่ต้องรู้สึกผิดอีกด้วย
ส่วนผสมแกงป่ากล้วยดิบ
- เนื้อหมู 200 กรัม
- กล้วยหักมุกหรือกล้วยน้ำว้าดิบ 2 ผลใหญ่
- พริกไทยอ่อน (จะไม่ใส่ก็ได้) 6 ช่อ
- กระชาย 3 แง่ง
- พริกชี้ฟ้า 2 เมล็ด
- ใบโหระพา 2 ต้น
- พริกแกงแดง 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
- ***หมายเหตุ
สำหรับเมนูนี้คุณอาจจะเปลี่ยนจากใบโหระพาเป็นใบกะเพราได้ ก็จะได้รสชาติที่ต่างออกไป คือหากเป็นโหระพาจะออกหอมเย็นกว่า ส่วนใบกะเพราจะฉุนร้อนกว่า
วิธีทำแกงป่ากล้วยดิบ
-เมนูแกงป่ากล้วยดิบเริ่มจากการหั่นเนื้อหมูให้มีชิ้นขนาดพอดีคำ
-กล้วยหักมุกก็หั่นเป็นชิ้นโตสักหน่อย เวลากินจะได้รสชาติเต็มๆ คำ
-กระชายก็ซอยเป็นเส้นยาวๆ
-พริกชี้ฟ้าก็ซอยเส้นๆ เช่นกัน ซึ่งคุณควรจะใช้ทั้งแบบสีเขียวและสีแดงด้วยก็จะทำให้สีสันออกมาดูน่ากิน
-ใบโหระพาก็ให้คุณเด็ดเป็นใบๆ ส่วนพริกไทยอ่อนก็ใช้ทั้งพวง
-จากนั้นก็ให้คุณนำน้ำมันเทใส่กระทะ
-พอน้ำมันร้อนก็ใส่พริกแกงลงไปผัด
-แล้วตามด้วยเนื้อหมูลงไปผัดจนสุกและหอมดี
-ระหว่างนี้เติมน้ำลงไปนิดหน่อย โดยค่อยๆ เติมไปเรื่อยๆ
-แล้วตามด้วยกล้วยดิบใส่ตามไป
-เมื่อกล้วยดิบสุกแล้วก็ใส่น้ำปลาลงไปเป็นการปรุงรสชาติ
-ต่อมาก็ให้คุณใส่กระชาย และพริกชี้ฟ้าซอยตามไป
-อย่าลืมก่อนปิดไฟก็ใส่ใบโหระพา
-เสร็จแล้วก็ยกลงจากเตาแล้วเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ก็จะอร่อยมาก แต่สำหรับผู้ที่กำลังไดเอตแนะนำให้กินแกงป่ากล้วยดิบเปล่าๆ หรือจะกินกับเส้นบุกแทนขนมจีนก็เข้าท่าดี
วิธีการเลือกซื้อกล้วยดิบ
สำหรับเมนูแกงป่ากล้วยดิบนั้น จะต้องเลือกกล้วยที่มีคุณภาพคือควรเลือกที่เปลือกยังเขียวๆ เนื้อค่อนข้างแข็ง ก็จะทำให้ได้เนื้อกล้วยที่มีความฝาดนิดๆ และเนื้อกรอบอยู่ หากปล่อยให้เนื้อนุ่มหรือเลือกที่เปลือกค่อนไปทางเหลืองก็อาจจะทำให้เนื้อกล้วยนุ่มเหลวไป และหากปราศจากความฝาดแล้วก็จะทำให้เมนูนี้เสียรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ไป
อยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหาร ลองเข้ามาชมในเว็บ บล๊อคเว็บรวบรวมข้อมูลอาหาร ของเราคุณจะได้รู้ทุกเรื่องของอาหาร และ เมนูอาหารจากอะโวคาโด ที่สามารถทำทานเองง่าย ๆ แถมยังไม่อ้วนอีกด้วย