อาหารไทยชาววัง ในประวิติศาสตร์ไทย เริ่มมีขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ในสมัยแผ่นดินพระนารายณ์มหาราช โดยท้าวทองกีบม้าเป็นผู้ประกอบอาหารถวายทั้งอาหารหวานคาว ซึ่งได้แก่ ขนมหวานทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ส่วนอาหารคาวก็ได้แก่อาหารประเภทไข่ ปลาต้มเค็ม เช่น ปลาตะเพียน และอาหารประเภทเนื้อต่าง ๆ ที่เหลือก็ให้พวกไพร่เอาไปกิน จนอาหารชาววังได้แพร่หลายไปในสามัญชนในที่สุด
อาหารไทยชาววัง มีการจดบันทึกไว้อย่างเป็นระเบียบ และบ้างก็มีผิดเพี้ยนไปบ้างทั้งรูปแบบ และรสชาติ
แต่สำหรับต้นตำหรับนั้นได้มีการจดบันทึกไว้อย่างเป็นระเบียบ จึงทำให้อาหารไทยชาววังออกมาได้หลายสูตร บ้างก็เหมือนเดิม และบ้างก็มีผิดเพี้ยนไปบ้างทั้งรูปแบบ และรสชาติ แต่ก็คงคงมีชื่อเรียกกับเหมือนเดิม ทำให้อาหารชาววังสมัยใหม่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เช่น แกงเขียนหวานไก่ถ้าเป็นอาหารชาวบ้านก็จะสับไก่ทั้งกระดูก แต่ถ้าเป็นชาววังจะแล่เอาเฉพาะเนื้อไก่เท่านั้น และนำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ
ส่วนการปรุงนั้นก็จะต้องเคี่ยวกะทิก่อน แล้วนำไก่ที่หั่นแล้วลงผัดน้ำพริกแกงให้หอม ถึงจะลงต้มกับกับกะทิทีหลัง อาหารชาววังจะมีวิธีการทำที่ต้องพิถีพิถันกว่าอาหารชาวบ้าน มิได้นึกถึงแค่ความสะดวกสบายเท่านั้น ดังจะเห็นได้ว่าแกงเขียนหวานของชาวบ้านจะใช้ไก่หั่นทั้งกระดูก บางครั้งก็ไม่มีการเคี่ยว จึงมีความหอมที่ต่างกัน พอใกล้บ่ายก็อาจมีอาการเหมือนบูด แต่ถ้าเป็นของชาววังทั้งรสชาติ สีสัน และกลิ่นหอมยังเหมือนเดิม
ความประณีตของอาหารไทยชาววังจะมีมากกว่าและในทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มเตรียมวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นการโขลกน้ำพริก เพราะต้องละเอียดไม่ใช้น้ำพริกที่ซื้อจากตลาดเหมือนแกงชาวบ้าน จุดเด่นของอาหารชาววังจะแลดูน่ากินกว่า ด้วยสีสันที่สดใส เช่น แกงเขียวหวาน น้ำแกงต้องมีสีเขียว มะเขือต้องสุดกำลังดีไม่ออกสีดำหรือไหม้ เนื้อไก่ต้องมีวิธีหั่นไม่หั่นตามยาวต้องหั่นตามขวาง ซึ่งจะได้เนื้อที่นุ่มกว่า ส่วนเครื่องปรุงก็ต้องให้ครบถ้วนตามตำราอาหารซึ่งเป็นความพิเศษของอาหารชาววังอีกอย่างหนึ่งที่แต่ต่างกว่าอาหารชาวบ้าน
อยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหาร ลองเข้ามาชมในเว็บ บล็อคเว็บรวบรวมข้อมูลอาหาร ของเราคุณจะได้รู้ทุกเรื่องของอาหาร และ ผัดแตงกวาใส่ไข่ เมนูโปรดของเด็ก ๆ หลายคน ที่บอกเลยว่าอร่อยสุด ๆ